Summer Break

by - 11:37



ปิ น้ ร้


มีเวลาว่าง 3 อาทิตย์โอกาสทองทั้งที ภารกิจต่อไปแบกเเป้ ฉายเดี่ยวตะลุย Banff 
เมืองที่ทุกคนไปแล้วกลับมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า AMAZIngหลังจากที่เห็นภาพจากไอแพดรูมเมท ก็กูเกิ้ลดูรูปของเมืองนี้อีก(หลาย)ครั้งไม่ได้การแล้ว ที่นั่นคือวันเดอร์แลนด์ จะต้องไปดูด้วยตา นั่งบัส 12 ชม. ไม่เป็นอุปสรรคใดๆแต่ระยะเวลาการรอกว่าจะสอบเสร็จนี่สิ 
และแล้วก็ถึง..เวลาของเรา

Banff เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในรัฐ Alberta ประเทศ แคนาดา

นั่งบัสจากตัวเมือง แวนคูเวอร์ ใช้เวลา 12 ชม. 
เราเลือกเดินทางกับ Greyhound ค่าเดินทางไป-กลับ 111 เหรียญ  นักเรียนนักศึกษา
มีส่วนลดด้วย นี่คือข้อดีที่สายการบินไม่มีให้แถมประหยัดกว่านั่งเครื่อง 200 เหรียญ ถึงแม้จะเสียเวลา แต่เราก็ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว
บางทีการไปถึงที่นั่นโดยเครื่องบินภายใน1ชม.อาจพลาดอะไรดีๆระหว่างทาง


นี่เป็นการ backpack เที่ยวต่างเมืองในต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก
BACKPACK เที่ยวครั้งแรกในญี่ปุ่นกับแม่และน้องสาว ทำให้เราหลงรักการพักโฮสเทล  
จากนั้นก็แบคแพคเที่ยวไทยกับญาติ 2 ครั้ง ทริปสังขละ กับ สมุย
เราไปเที่ยวได้บ่อยขึ้น หมดข้ออ้าง ที่จะไม่มีเงินจ่ายค่าโรงแรมแพงๆ
แถมได้พบเจอเพื่อนจากรอบโลกในแต่ละคืน
พูดคุยกันในระยะเวลาสั้นๆ
ยิ้ม และ หัวเราะ กับคนแแปลกหน้า
มันก็ได้อะไรดีๆเยอะนะ

การเดินทาง 5 คืน 6 วันของเราก็ได้เริ่มขึ้น
สวัสดีวันจันทร์ ที่สองของการปิดเทอม

แบกเป้ออกจากบ้านบ่ายสี่โมงเย็นถึงที่หมายแปดโมงเช้าวันอังคาร
แวะเข้าร้านอาหารใกล้สถานีบัสหลบหนาว ขนมปัง ไข่ดาว  อาหารจานเบสิค พนักงานสาวชาวแคนาเดี่ยนเสิร์ฟโกโก้ร้อน พร้อมส่งยิ้มให้เราเป็นระยะ รอยยิ้มของนางอบอุ่นกว่าโกโก้ร้อนในมือเราซะอีก
😆😃
เดินด้วยสองขา ตาก็มองป้ายบัส หยุดถามสาวผมทองที่นั่งหยุดการรับฟังโลกภายนอกด้วยหูฟังสองข้าง 
ขอโทษนะคะ ขอโทษนะคะ ฮัลโหล่ !! นางเอามือดึงหูฟังข้างซ้ายออก ตั้งใจฟังคำถามเรา และบอกทางให้
"เดินตรงไป ป้ายบัสอยู่ข้างหน้า" ระหว่างเดินตามคำแนะนำของนาง ก้มดูกูเกิ้ลแมพได้บอกว่าเราเดินผ่านป้ายบัสมาแล้ว ดูเหมือนว่าการตั้งใจฟังคำถามแต่ไม่ได้ตั้งใจให้คำตอบที่ถูกต้องเอาซะเลย หันซ้าย หันขวา ด้านซ้ายมือเป็น ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แหล่มหล่ะไม่ง้อใครแล้ว เดินเข้าไป หยิบแผนที่
หึหึ แล้วเราก็มาอยู่หน้าโฮสเทล ที่ทำการจองไว้
เดี๋ยวนะเช็คอินได้บ่าย 3 นี่เพิ่งจะ 10 โมง


@ HI BANFF APLINE CENTERเพราะโทรศัพท์กำลังชาร์ต .........


ทำไมผู้หญิงเอเชียคนตรงหน้าเรานั่งก้มหน้านานจัง แถมโทรศัพท์ก็หันมาทางเรา แอบถ่ายรูปเรารึเปล่านะ ไม่มั้ง เราก้ไม่ได้สวยอะไรขนาดที่เขาต้องแอบถ่าย เราลองลุกอ้อมไปหยิบข้อมูลท่องเที่ยว อ้าวนางงีบ 555 สักพักนางเงยหน้าขึ้นมา เราเลยส่งยิ้ม นางยิ้มตอบ ยิ้มแรกที่แลกกัน ทำให้ทั้งวันเราไปเดินป่าด้วยกัน และได้แชะรูปคู่ โดยการใช้กล้องเรา สมุดบันทึกของนางวางบนท่อนไม้เล็กๆ 10 วิ นับถอยหลัง แชะ!!!!!!


วะตะชิวะ ริโอ เดส
จากแดนปลาดิบ 🎌



BOW RIVER 

ครึ่งวันหมดไปกับการเดินชมธรรมชาติ ระหว่างทางกลับเข้าเมืองสาวญี่ปุ่นเห็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ และดูนางก็ดีใจ พวกเราจบมื้อเย็นของวันกันที่นั่น  แยกทางใครทางมันสำหรับคืนนี้ และพรุ่งนี้ พวกเราต่างมีที่ไป 


มื้อนี้อาลัยกับเงิน10 เหรียญอยู่ทั้งคืน การให้ทิปปกติจะทิป 10-15% แต่นี่ดันไปกด ทิป $10 ค่าอาหารแค่ $26 ดันต้องจ่ายค่ามึนด้วยกลายเป็น $36 ซื้อน้ำดื่มได้ 3 ขวดเลยนะ


DAY II 

เที่ยวคนเดียววันแรกทั้งๆที่สมควรจะเที่ยวคนเดียวตั้งแต่เมื่อวาน ไม่ได้แย่อย่างที่คิด เดินเที่ยวคนเดียวทั้งวัน เดินหลงทางได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยกังวลว่าคนที่มาด้วยจะเซ็งรึเปล่า เดินด้วยตา กล้องก็แชะไป ได้รับรอยยิ้มจากคนแปลกหน้า ที่เดินผ่านไป มา 
เดินชมเมืองเล็กแห่งนี้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก มองไม่เห็นภูเขาเช้านี้เป็นโชคร้ายในโชคดีที่ได้สัมผัสอากาศหนาว 5 องศา หมอกหนาในทริปหน้าร้อน




แต่พอทริปวันนี้จบหัวเราก็หนักอึ้ง ทำไมร่างกายอ่อนแอแบบนี้ ตาปิดตั้งแต่อาทิตย์ไม่ลับฟ้า วันนี้ก็ไม่ได้รู้จักใคร นอกจากรูมเมทสองสาวแร็กเก้ที่มาจาก Vancouver Island.


                                                                         DAY III

สวัสดีวันที่ 3 อากาศแจ่มใส แต่ใจฉันสดใสกว่า วันนี้นัดเจอสาวชาวญี่ปุ่นไปนั่งกระเช้าขึ้นเขากัน :) 10 โมงเดินลงเขาจากที่พักสู่ดาวทาวน์ เจอด่านเขาไม่ให้ผ่านเพราะร้องเพลงชาติแคนาดาไม่ได้ ถนนกำลังก่อสร้างโดนไล่ไปเดินอีกฝั่งถนน พอหันหลังจะเดินไปข้ามถนน กรี๊ดคนญี่ปุ่นมาดักรอ แม่จ้าวถ้าเป็นหนุ่มๆมีหวั่นนะเนี่ย 555 ถามว่ามารอนานรึยัง นางบอกไม่นานรอ รอไม่นาน แต่พอเปิดโทรศัพท์ดูเท่านั้นแหละ ส่งไลน์มา 30 นาทีที่แล้ว เราก็โกเมนนาไซๆๆๆๆๆ กันยกใหญ่ นางบอกไม่เป็นไร แต่เรารู้คนญี่ปุ่นจริงจังเรื่องเวลา ข้าน้อยผิดไปแล้วองหญิงริโอ ~~
โอ๊ะมาสายละท้องยังร้องอีก บัสฟรีจะมาในอีก 20 นาที เสิร์ชหาแมคโดนัล เดินเพียง 3 นาที เราบอกริโอเดี๋ยวขอไปซื้อเบอร์เกอร์แปปนะนางจะไปด้วย เดินกันไปทั้งสองคน อีก 1 นาทีถึงร้าน หันไป-0- เอ้ยยยยนั่นบัสฟรีนี่นา ด้วยความที่บัสจะมาชม.ละคันดังนั้นพลาดไม่ได้ จับมือกันวิ่งไล่บัส ประตูบัสเปิดให้ผู้โดยสารลง เงยมองป้ายบัส เข่าทรุดเลยจ้า ผิดคัน อดทั้งกินอดทั้งขึ้นบัส ไปนั่งดูดไวไฟฟรี จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เขียนโพสการ์ดจะส่งไปรายงานตัวกับธนาคารเคลื่อนที่ที่บ้าน ว่าฉันอยู่ที่นี่จริง ไม่ได้เอาตังค์อุบอิบไปเข้าบาร์ 555 ปกติก็ไม่ได้เข้าหรอกคุณก็แค่อยากเล่าวันสนุกๆผ่านตัวหนังสือไปให้คนที่เราคิดถึงระหว่างที่มาเที่ยว อยากให้พวกเขามาอยู่ที่นี่ ได้เห็นสิ่งที่เราเพิ่งเห็น  หวังว่าพอเขาได้รับโพสการ์ดที่เราส่ง เขาคงต้องยิ้ม 

ตอนนี้เราอยู่บนกระเช้าเขาสูง 2090 เมตรจากระดับน้ำทะเล หากตกลงมาไม่ตายก็พิการขั้นสาหัส





กระรอกน้อยที่มีฝันอยากเป็นนายแบบ ไม่กลัวกล้องเลยครับ 
กดชัตเตอร์แชะขยับเข้าใกล้ 1 ก้าว
แชะ อีก ก้าว แชะ แชะ แชะ 
เปลี่ยนท่าโพส 
กระรอกฟันสองซี่
ใสๆดีเนอะ

ตกเย็นเช่าจักรยานปั่นเล่นรอบเมือง


คืนนี้ได้นั่งคุยกับรูมเมทจาก Montreal เป็นเทรนเนอร์ที่ยิมแห่งหนึ่ง มาเที่ยวคนเดียวเพราะแฟนทิ้ง นางบอกไม่อยากทิ้งค่าที่พักกับตั๋วเครื่องก็เลยมา นี่สินะทุกอย่างไม่เคยแน่นอน คุยกันกว่า 2 ชม. นางแนะนำทักษะการเดินทางคนเดียวให้กับเรา คุยเกี่ยวกับภาษา นางพูดอังกฤษ กับ ฝรั่งเศส กำลังเรียน ภาษาสเปน รู้ภาษาอังกาเรี่ยนหน่อยๆเพราะแม่มาจากฮังการี่ ส่วนพ่อเป็นฝรั่งเศสแท้ ตอนพ่อแม่เขาพบรักกันแม่นางพูดอังกฤษไม่ได้ จึงเริ่มเรียนฝรั่งเศสเพื่อสื่อสารกับพ่อ แล้วทั้ง 2 คนก็แต่งงานกัน มีลูกสามคน นางเป็นลูกคนกลางผู้หญิงคนเดียว มีพี่ชายและน้องชายอีก 2 คน เปลี่ยนเรื่องคุยเรื่องเพลงต่อ สนุกมากที่ได้เจอนางคืนสุดท้ายก่อนกลับ น่าเสียดายที่พรุ่งนี้เราต้องออกจากโฮสเทลแต่เช้า และเมื่อคืนนางก็ไม่ได้กลับมาที่ห้อง  เราเลยเขียนโดปสการ์ดทิ้งไว้บนเตียงนาง 

โปสการ์ดถึงจูเลีย .....


DAY IV

เพื่อนไร้พรหมแดน เราจะไปเยือนทะเลสาบที่ห่างออกไป 58 กิโลเมตร เมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่มีบัสสัญจรไปถึง เราเลยไปร่วมกับทัวร์ เรานั่งเก้าอี้ถัดจากผู้หญิงมือถือกาแฟ ดูเหมือนว่าทริปนี้ เธอคนนี้ก็ไปเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน 



ที่แรก JOHNSON'S CANYON  ใช้เวลาเดินเกือบ 45 นาที ไป-กลับ เรากลับออกมาก่อนเวลาเกือบ 20 นาที เพราะอากาศข้างนอกหนาว เราขึ้นบนบัสเพื่อหลบหนาว คุณลุงนักท่องเที่ยววัย 70 นั่งอยู่ในรถ ถามว่าเป็นไงบ้าง "วิวสวยมากดีลุงจ๋า" ลุงบอกเสียดายฉันเดินไม่ถึง แล้วลุงก็เริ่มชวนคุย คุยกันไม่นานแต่ไปถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง ลุงเกิดที่โน้น ย้ายมานี่ ตอนนี้อยู่อังกฤษ พ่อแม่เสียแล้ว คิดถึงพวกท่าน แต่ไม่เป็นไรพวกเขาเฝ้ามองฉันจากข้างบน พ่อฉันเสียตอนอายุ 90 ปี บลาๆ ๆ ๆ ได้ฟังเรื่องของลุงมาเขียนได้  2 บรรทัด ลุงบอกว่าเศร้าที่เดินไปไม่ถึง เรารู้สึกดีใจที่เรามาเที่ยวที่นี่ตอนนี้ เรามีแรงเดินถึง เราได้เห็นมัน 







ผู้หญิงในมือถือแก้วกาแฟเป็นคนถ่ายภาพนี้ให้กับเรา 
กลับมาถึงbanffเราต้องขึ้นบัสต่อกลับแวนคูเวอร์ แต่มีเวลาเหลืออีก 2 ชม. นางจึงพาเราเดินรอบดาวทาวน์
ก่อนจะแยกกันไม่ได้รู้จักชื่อกันด้วยซ้ำ
.....
🎈แต่เรา
เจอไอจีนางโดยบังเอิญ :) 


ถอยบัสขึ้น โยโฮพาร์ค 
โยโฮ แปลได้ว่า เจ๋ง
ฉันเชื่อเลยหละ มิสเตอร์ อันเดรส คนขับบัสของเรา
เจ๋งเหมือนชื่อสวนแห่งนี้เลย 
ทำหน้าที่ทั้งวันได้เยี่ยม
พูดทั้งวัน 
สร้างเสียงหัวเราะตลอด




ฉันอยากจะบินขึ้นไปสัมผัสน้ำจากทรวงสวรรค์
ได้แต่สงสัยว่าน้ำทะลักมาจากไหน 
ที่แท้ก็มาจากน้ำแข็งบนภูเขาที่ละลายนั่นเอง



ลาทริปหน้าร้อน
ด้วยคำพูดจากคุณป้าบนบัส
ที่บอกให้เราสนุกกับชีวิต
=====
ใช้เวลาที่มีให้คุ้ม
เรียนรู้แต่ละวันด้วยตัวเอง
และะเชื่อเสียงหัวใจ
อย่าปล่อยให้เสียงอื่นกลบ
จนเราลืม
อะไรที่เรากำลังคิด

I LOVE U SUMMER
'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
SYMWIS





You May Also Like

0 comments